พระวิสุทธิญาณเถร (8) มูลเหตุที่ทำให้ท่านเกิดกำลังใจ

(8) มูลเหตุที่ทำให้ท่านเกิดกำลังใจ

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย เคยเล่าถวายพระภิกษุสามเณรฟังอยู่เสมอๆ ว่า สิ่งที่ทำให้ท่าน เกิดกำลังใจในการประกอบความเพียรอย่างอุกฤษฎ์ ถึงกับไม่ได้เอนกายลงนอนจำวัดเลย เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน บางครั้งเป็นเดือน สองเดือนก็เคยมี เนี่องจากในคืนวันหนึ่ง ในขณะที่ท่านได้เข้าไปอุปัฏฐากหลวงปู่มั่นที่กุฏิท่านทำการบีบนวดถวายหลวงปู่เป็นเวลานานพอ สมควรแล้วก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า

เราได้ประกอบความเพียรติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา ๒ วัน ๒ คืนแล้วยังไม่ได้พักเลย
พรุ่งนี้ก็จะต้องออกเดินทางไปธุระที่สกลนคร เพี่อบอกลาคุณแม่นุ่ม ชุวานนท์ ในฐานะที่เป็นโยมอุปัฏฐาก ได้จัดบริขารถวายในคราวอุปสมบท จากนั้นก็จะไปกราบลาหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เพื่อจะเดินทางไปจำพรรษาที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เมื่อคิดแล้วก็เกิดความอยากจะไปพักผ่อนเพื่อบรรเทาความ เหน็ดเหนี่อย และเอากำลังไว้ใช้ในการเดินทาง


ในขณะที่กำลังกังวลอยู่กับความคิดเหล่านั้น หลวงปู่มั่นก็ได้พูดสวนความคิดขึ้นมาว่า จะไปพักก็ไปได้นะ สังขาร ร่างกายอย่าไปหักโหมมันมากนัก พรุ่งนี้เราก็จะออกเดินทางไกล เราก็ไม่ได้พักมาสองวันสองคืนแล้ว

คำพูดของหลวงปู่มั่นได้ไปตรงกับความคิดที่ท่านกำลังคิดอยู่พอดี จึงได้นึกสะกิดใจว่า หลวงปู่มั่นพูดขึ้นมาลอย ๆ หรือว่าท่านจะรู้วาระจิตของเรา และแล้วก็วิจัยวิจารณ์อยู่ขณะหนึ่งผ่านไป จิตก็ได้หวนนึกถึงเรี่องทึ่จะไปพักขึ้นมาอีก หลวงปู่มั่นก็ได้พูดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งก็ตรงกับความคิดในขณะนั้นอีก

จึงทำให้หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย แน่ใจว่า หลวง ปู่มั่นรู้วาระจิตของเราจริง ๆ ทำให้เกิดความอิ่มเอิบปลื้มปีติ และมีความซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย หายเหน็ดเหนื่อย หายอ่อนเพลีย ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปจนหมดสิ้น เนื่องจากเกิดความมหัศจรรย์ในคุณธรรม และวิชชาของหลวงปู่มั่น ภูริทตตเถร ท่านจึงได้ตั้งหน้าตั้งตาบีบนวดถวายหลวงปู่มั่นต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และพลางก็คิดว่า เราจะต้องเอาวิชชาอันนี้ให้ได้ และได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวถ้าไม่โด้ไม่ยอม

''หลวงปู่มั่นท่านก็มีร่างกายสังขารเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเรานี่เอง เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับท่าน ท่านทำได้เราจะไม่ได้อย่างท่านก็ลองดู แต่คิดว่าคงไม่เหลือวิสัย" พอท่านคิดจบ หลวงปู่มั่นท่านก็พูดสวนความคิดขึ้นมาอีกว่า ... "เอาแน่หรือ


เมี่อท่านได้ฟัง คำพูดของหลวงปู่มั่นเพียงเท่านั้น ความ ปลื้มปีติ ความอิ่มเอิบ และความมีพลังใจก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะความมหัศจรรย์ในความสามารถของหลวงปู่มั่น ที่ท่าน ได้บำเพ็ญจนบรรลุวิชชาชนิดนี้ขึ้นมาได้จนดำริรู้ภายในใจของผู้อื่นได้ เรี่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และอภิญญาสมาบัติ หรือ วิชชาในทางพระพุทธศาสนา เช่น

เจโตปริญญา การกำหนดรู้ วาระจิตของคนอื่น ที่ท่านได้กล่าวไว้ในคัมภีร์แต่ก่อนเราเข้าใจ ว่าเป็นเพียงนวนิยาย บัดนี้กลายเป็นความจริงเสียแล้ว เราได้มี โอกาสเห็นหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นสาวกสุดท้ายภายหลังยังมีความมหัศจรรย์ถึงปานนี้ถ้าได้เห็นพระพุทธ เจ้าหรีอได้เห็นพระอริยสงฆ์สาวกในครั้งพุทธกาลแล้ว จะมีความมหัศจรรย์สักเพียงไร