พระวิสุทธิญาณเถร (24) จำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก "บ้านหนองโตนโต้น" พ.ศ. ๒๔๙๗

(24) จำพรรษาที่วัดอรัญญวิเวก "บ้านหนองโตนโต้น" พ.ศ. ๒๔๙๗

ภายหลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านก็ได้นำพาพระเณรลงจากภูเก้าลงมาพักบำเพ็ญที่ วัด อรัญญวิเวก (วัดบ้านหนองโตนโต้น) ซึ่งเป็นวัดร้าง ไม่มีพระภิกษุสามเณรอยู่ ชาวบ้าน ทั้งหมดจึงได้ขอกราบอาราธนานิมนต์ให้ท่านได้อยู่อบรมสั่งสอนชาวบ้านที่นี้ต่อไป เนี่องจากญาติโยมในหมู่บ้านแถบนี้เหินห่างจากการได้ทำบุญมาเป็นเวลานานแล้ว

ท่านจึงได้อยู่สนองเจตนาของชาวบ้านเรี่อยมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ก็ได้จำ พรรษาอยู่ที่วัดอรัญญวิเวก อีก ๑ พรรษา ในพรรษานี้มีพระภิกษุสามเณร ๑๔ รูปมี หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย เป็นหัวหน้า ๒ หลวงปู่มุล ธมมวีโร ๓ หลวงปู่พรหมา ๔ ครูบาสุดใจ ๕ ครูบาสวรรค์ ๖ ครูบาหนูเทพ ๗ สามเณรไสว ๗ สามเณรสุดใจ ๙ สามเณรทองม้วน ๑๐ สามเณรบุญเถิง ๑๑ สามเณรสี ๑๒ สามเณรประไพ ๑๓ สามเณรทองเบ้า ๑๔ สามเณรบุญมา

ตลอดพรรษาในปีนี้ท่านก็ได้นำพาประพฤติปฏิบัติเหมือนกับที่อยู่บนภูเก้า ส่วนทางด้านญาติโยมชาวบ้านนั้นก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะมีความเลื่อมใสศรัทธาในข้อวัตรปฏิบัติของ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย และพระภิกษุสามเณร


พอออกพรรษาแล้วญาติโยมก็ได้จัดให้มีการทอดกฐินตามประเพณี รับกฐินเสร็จเรียบร้อย หลวงปู่จึงถีอโอกาสบอกลาญาติโยมเพื่อจะเดินทางไปหาสถานที่บำเพ็ญภาวนาแห่งใหม่ต่อไป ญาติโยมส่วนใหญ่ถึงกับร้องไห้อาลัยอาวรณ์ ด้วยความสงสารชาวบ้าน หลวงปู่จึงได้ให้ หลวงปู่มุล ธมมวีโร และ หลวงปู่พรหมา กับสามเณรอีกสามรูป อยู่ฉลองศรัทธาญาติโยมต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ส่วนหลวงปู่และพระเณรรวม ๘ รูป ก็ได้ออกเดินทางเพื่อไปหาสถานที่บำเพ็ญต่อไป ในระหว่างทางนั้นก็ได้แวะไปกราบ ท่านพระอาจารย์คำ คมภีโร วัดสิลาวิเวก จังหวัดมุกดาหาร และได้พักอยู่ ๒-๓ คืนก็กราบลาออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครพนม การเดินทางของหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย นั้นได้แบ่งเวลาดังนี้ คือ เดิน ๕๐ นาที พัก ๑o นาที ค่ำที่ไหนก็หาป่าช้า

วัดร้างหรือเงื้อมถ้ำ ที่มีความสงัดวิเวกพักบำเพ็ญตลอดระยะทาง ที่สุดได้เดินทางมาถึง ถ้ำพระเวส อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เห็นว่าเป็นสถานที่วิเวกวังเวงดีมาก จึงได้เข้าไปพักทำความเพียรอยู่เป็นระยะเวลานานพอสมควร แล้วจึงได้ออกเดินทางต่อไปทางจังหวัดนครพนม ได้เข้าไปพักที่ ป่าช้าบ้านหนองเค็ม เห็นว่าเป็นสถานที่วิเวกดี น่าบำเพ็ญจึงได้พักอยู่ประมาณ ๒-๓ เดือน

ในปีนี้อากาศหนาวจัดมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ถึง ขนาดนกหนาวตายเป็นจำนวนมาก ต้นกล้วยก็เป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว พระเณรทั้งหมดก็หนาวแทบทนไม่ไหว บางองค์เป็นตะคริวเก็งแข็งไปหมดทั้งตัว หลวงปู่จึงได้ปรึกษาพระเณรว่าจะทำอย่างไรดี ผ้าห่มที่นอกเหนือไปกว่าจีวรก็ไม่มีแล้ว ถ้าไม่ได้ผ้าห่มมาเพิ่มเห็นที่จะแย่แน่

ถ้าจะไปหาหรือก็ไม่รู้จักใคร ยังไม่คุ้น เคยกับญาติโยมที่นี่เลยในขณะที่ได้ปรึกษากันอยู่ได้ไม่นานนั่นเอง ก็มีญาติโยมนำผ้าห่มมาถวายเป็นจำนวนมาก สอบถามจึงทราบว่า โยมผู้ชายชื่อว่า อาจารย์เชวง ศิริรัตน์ โยมผู้หญิงชื่อ คุณนายทองพูน ศิริรัตน์ ตั้งแต่บัดนั้นทั้งสองท่านก็ได้ปวารณาตัวขอเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่สมชายมาจนถึงปัจจุบันนี้ ในครั้งนั้นก็ได้อยู่ภาวนาฉลองศรัทธาญาติโยมได้ ประมาณ ๓ เดือนเศษ ก็ต้องอำลาญาติโยมเพี่อหาสถานที่บำเพ็ญแห่งใหม่ต่อไปอีก