พระวิสุทธิญาณเถร (32) จำพรรษาที่ถ้ำเป็ด พ.ศ.๒๕๐๒

(32) จำพรรษาที่ถ้ำเป็ด พ.ศ.๒๕๐๒

ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ภายหลังที่ได้ลงมาจากภูวัวแล้ว หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ก็ได้นำพาหมู่คณะพระเณรทั้งหมดออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสกลนคร ตั้งใจว่าจะไปจำพรรษาที่ ถ้ำเป็ด ภูเหล็ก ตำบลส่องดาว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับ วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ของ ท่านพระอาจารย์วัน อุตตโม

ถ้ำเป็ดเป็นสถานที่สงบสงัดวิเวก น่าบำเพ็ญอีกแห่งหนึ่ง ครูบา อาจารย์ฝ่ายกรรมูฐานจึงมักไปบำเพ็ญหาความสงบกันเป็นประจำไม่ค่อยขาดระยะ ในระหว่างพรรษานี้ก็ได้ตั้งใจปฏิบัติกันเต็มที่ทุกองค์ ส่วนหลวงปู่สมชายนั้นท่านต้องมีภาระในการ อบรมสั่งสอนประชาชนในวันธัมมัสสวนะอีกด้วย ญาติโยมชาวบ้านใกล้ๆ นั้นก็ได้มาให้การอุปถัมภ์อุปัฏฐากอย่างดี มีบ้านหนองม่วง และบ้านหนองแวง เป็นต้น

ผู้ที่เป็นกำลังสำคัญในเขตนี้ก็มี กำนันทอน ผู้ใหญ่จารย์ดี พ่อออกคล้าย พ่อออกคิ้ว แม่ออกเขียน และคุณไสว ศิริบุศย์ เป็นต้น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเคารพนับถือหลวงปู่สมชายมาก ในระหว่าง พรรษาปีนี้ก็ได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่สีลา เทวมิตโต แห่งวัดโชติการาม บ้านหนองบัว ซึ่งอยู่ห่างถ้ำเป็ดประมาณ ๖-๗ กม. ได้อาพาธ หลวงปู่ก็ได้นำพาพระเณรไปเยี่ยมไข้หลายครั้ง บางครั้งก็ได้ปฏิบัติดูแลท่าน เพราะว่าหลวงปู่สีลา เทวมิตโต นั้นก็เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่มีลูกศิษย์เคารพนับถีอมากมาย มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตนั้นอีกองค์หนึ่ง

ลูกศิษย์ลูกหาทุกฝ่ายก็พยายามช่วยกันรักษาพยาบาล เพื่อต้องการให้ท่านมีชีวิตสืบต่อไปอีก ถึงแม้ว่าจะพยายามกันขนาดไหนก็แล้วแต่ อาการของหลวงปู่สีลา มีแต่ทรุดลงทุกวัน และท่านก็ได้ มรณภาพในระหว่างพรรษาปีนั้น เมื่อหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ทราบข่าวการมรณภาพของหลวงปู่สีลา เทวมิตโต แล้วก็ตั้งใจ ว่าจะไปร่วมงานศพของครูบาอาจารย์

แต่การไปร่วมงานศพ ครูบาอาจารย์นั้นจะไปแต่ตัวหรือไปแบบมีอเปล่าๆ นั้น ก็ออกจะดูน่าเกลียดไป จึงได้เรียกญาติโยมมาปรึกษา ถึงการจะไปงานศพครูบาอาจารย์ในครั้งนี้ ถ้าได้หน่อไม้ไปร่วมในงานนี้บ้างก็จะเป็นการดี จะได้ประกอบอาหารเลี้ยงแขกคนที่มาร่วมในงาน จึงขอให้ญาติโยมพากันขึ้นไปบนเขาหาเก็บหน่อไม้ให้สัก ๒-๓ กระสอบ เพื่อจะได้นำไปร่วมใน งานครั้งนี้ บรรดาญาติโยมทั้งหมดเมี่อทราบจุดประสงค์ของหลวงปู่สมชายแล้วก็ได้จัดหามีด หากระสอบ รีบออกเดินทางขึ้นไปบนเขาเพื่อหาหน่อไม้ทันที

ญาติโยมทั้งหมดได้เดินทางไป หาหน่อไม้ ตั้งแต่เช้าจนเที่ยงกว่าแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏว่าจะได้หน่อไม้แต่อย่างไร เพราะเนื่องจากในช่วงนั้นใกล้ออกพรรษาแล้ว หน่อไม้ที่เคยมีอยู่ก็ถูกชาวบ้านขึ้นไปหามาประกอบ อาหารกันทุกวัน ที่พอจะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็เป็นลำต้นสูงๆ ไปหมดแล้ว และบ้างก็เพิ่งจะปริ่มดินขึ้นมาอยู่ในกลางกอ

สรุปแล้วก็คือจะหาหน่อไม้ไปร่วมในงานจำนวนมากๆ เช่นนี้นั้นคงไม่มีทาง คณะชาวบ้านที่ได้ขึ้นไปหาหน่อไม้เดินวนเวียนกัน จนหมดแรงไปตามๆ กัน จึงได้พากันกลับลงมาจากบนเขาเข้าไปกราบเรียนหลวงปู่ว่า "พวกกระผมได้พากันขึ้นไปหา

หน่อไม้ตั้งแต่เช้าจนบ่าย ป่านนี้แล้วยังไม่ได้หน่อไม้เลยแม้แต่หน่อเดียว เพราะว่าหน่อไม้บนเขานั้นพวกกระผมก็ได้ขึ้นไปหามาทำอาหารกินกันทุกวัน แต่กว่าจะได้แต่ละ หม้อนั้นก็แสนยากแสนลำบาก ยิ่งเอาจำนวนมาก ๆ อย่าง นี้ด้วยแล้วเห็นจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ หรือบางหน่อก็ติดปลายลำเป็นต้นไปหมดแล้ว"


เมื่อหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ได้รับแจ้งจากญาติโยมดังนั้นแล้ว จึงนั่งพิจารณาว่า "เอ..? จะทำอย่างไรดี ถ้าไม่ได้สิ่งของไปร่วมในงานครูบาอาจารย์ในครั้งนี้เราก็ไม่ควรไป เพราะนิสัยของเรานั้นจะไปงานไหนก็แล้วแต่จะไม่ไปเอาหรือมีแต่จะเอาไห้เท่านั้น ยิ่งครั้งนี้ด้วยแล้ว ซึ่งเป็นงานของครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ขนาดนี้

ถ้าเราไปมือเปล่าโดยที่ไม่ มีอะไรติดมือไปร่วมงานเลยเราก็ไม่ควรไป และควรจะรีบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ไปเสียให้ไกล เพื่อหมู่คณะจะได้รู้ว่าเราไม่อยู่ ถ้าเราขืนอยู่แล้วไม่ไปร่วมงานก็เห็นจะน่าเกลียด" หลวงปู่ได้นั่งพิจารณาอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงได้ปรารภกับญาติโยมว่า "อาตมาเห็นจะไปร่วมในงานครูบาอาจารย์ครั้งนี้ไม่ได้แน่แล้ว และก็เห็นว่าจะอยู่ที่นี้ต่อไปไม่ได้อีกด้วย..

เมื่อบรรดาญาติโยมได้ยินได้ฟังดังนั้นแล้วต่างคนต่างก็ตกอกตกใจไม่รู้ว่าจะทำประการใดดี จึงกราบเรียนหลวงปู่ว่า ไม่วีธิไหนที่ครูบาอาจารย์จะไปร่วมในงานครั้งนี้ได้ ขอให้บอกพวกกระ ผมเถิดครับ แต่ขออย่างเดียวขอให้ท่านอาจารย์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกกระผมที่นี่ต่อไป อย่าได้หนีจากพวกกระผมก็แล้วกัน"


หลวงปู่จึงปรารภขึ้นว่า "..เอาอย่างนี้ อาตมาขอให้ พวกเราทุกคนนี้ทดลองขึ้นไปหาหน่อไม้บนเขาอีกสักครั้งหนึ่ง ถ้าได้หน่อไม้ไปร่วมงานครูบาอาจารย์ อาตมาก็จะขออยู่กับญาติโยม ณ ที่นี้ต่อไป แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ อาตมาก็เห็นจะอยู่ที่นี้ต่อไปไม่ได้แน่.."

การขึ้นไปหาหน่อก็พึ่งจะลงมายังทันจะหายเหนื่อยเลย แต่ทุกคนก็ขันอาสาขอขึ้นไปหาหน่อไม้ลองดูอีกสักครั้งตามที่หลวงปู่ต้องการ ว่าแล้วต่างคนต่างก็ฉวยมีดฉวยกระสอบคนละอย่างสองอย่าง เดินขึ้นเขาไปตามทางเส้นเก่าเพื่อค้นหา หน่อไม้เป็นรอบที่สอง ต่างคนต่างก็เดินไปคิดไป ว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะได้หน่อไม้ตามที่หลวงปู่ต้องการได้

ป่านี้ทั้งป่าก็แทบจะไม่มีหน่อไม้ลัดออกมาอยู่แล้ว เพราะลัดออกมาก็ไม่ทันคนกินในขณะที่ทุกคนกำลังเดินคิดถึงเรี่องการหา หน่อไม้อยู่นั้น สายตาทุกคู่ก็จ้องจับอยู่ที่แห่งเดียวกัน ทุกคนแทบไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเลย ความมหัศจรรย์บังเกิดต่อ หน้าต่อตาทุกคน อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลย


ฝูงลิงตัวโต ๆ ไม่ทราบว่าออกมาจากที่ไหนมากมายเต็มป่าไปหมด ลิงทุกตัวเหมือนรู้หน้าที่ ต่างก็ปีนขึ้น ไปหักหน่อไม้แล้วก็โยนออกมากองระเนระนาดเต็มทาง เดินไปหมด บ้างก็หักแล้วเอาเหน็บไว้ที่กอกะสูงขนาดศีรษะพอเอามือยื่นไปหยิบถึง บ้างก็เอามือขุดล้วงเข้าไปในกอพอชักมือออกมาก็มีหน่อไม้ติดมือออกมาด้วยทุก ครั้งไป นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากทีเดียว

ไม่ว่าชาวบ้านจะเดินทางไปทางไหน พวกลิงเหล่า นั้นก็จะออกเดินนำหน้าแล้วหักหน่อไม้ออกมากองตามทาง ตลอดไปผิดกับที่ขึ้นมาครั้งแรกจะหาหักเองยังหาไม่ได้เลย แต่ครั้งนี้เพียงแต่เก็บใส่กรอบอย่างเดียวก็แทบจะเก็บไม่ทัน ทั้งงงทั้งสงสัย ทั้งตื่นเต้น บางคนตื้นตันจนน้ำตาไหล

ความสงสัยจึงมีเกิดขึ้นกับทุกคนว่า "..ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา บาง คนอูย่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงอายุ ๖-๗๐ ปี ยังไม่เคยเห็นลิงป่าประเภทนี้เลย สมัยก่อนนั้นก็เคยมีอยู่บ้าง แต่เป็นลิงอีกประเภทหนึ่งและต่อมาก็ได้พากันหนีไปจากป่านี้ กันจนหมดสิ้นเพราะกลัวภัยจากพวกมนุษย์นั่นเอง.."


วันนี้จึงนับว่าเป็นวันแห่งความมหัศจรรย์แห่งชีวิตของบรรดาญาติโยม บางคนถึงกับอุทานออกมาว่า "..ตั้งแต่ข้าเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่เอง.. เมื่อพากันเก็บหน่อไม้ใส่กระสอบได้มากพอสมควรแล้ว จึงได้พากันลำเลียงลงจากเขา บรรดาพวกลิงทั้งหลายก็หมดหน้าที่ได้พากันวิ่งเข้าป่า หายไป

เมื่อบรรดาญาติโยมได้ลำเลียงหน่อไม้ลงมาถึงถ้ำเป็ดอย่างทุกลักทุเลแล้วก็ได้ พากันนำเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาสดๆ ร้อนๆ นั้นเข้าไปกราบเรียนถวายหลวงปู่สมชายทราบอย่างตื่นเต้น และปลื้มปีติกันทุกคน


จึงเป็นอันว่าการที่จะเดินทางไปร่วมงานศพหลวงปู่สีลา เทวมิตโต ก็เป็นไปตามเจตนาทุกประการ และได้นำหน่อไม้ไปร่วมในงาน เพื่อปรุงอาหารถวายพระภิกษุสามเณรและเลี้ยงแขกคนที่มาร่วมในงานครั้งนั้น อย่างอุดมสมบูรณ์

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ก็ได้นำคณะพระเณรมาช่วย จัดงานเตรียมงานตั้งแต่เริ่มงานจนกระทั่งถวายเพลิงศพหลวงปู่สีลา เทวมิตโต เสร็จเรียบร้อยก็ได้พาคณะกลับไปบำเพ็ญที่ถ้ำเป็ด ต่อมาอีกระยะหนึ่ง พอดีในช่วงนั้นสามเณรประไพ รูปเหลี่ยม อายุครบพอที่จะบวชเป็นพระได้แล้ว หลวงปู่จึงได้พาสามเณรประไพ กลับไปยังบ้านเกิดเพื่อที่ทำการญัตติ สามเณรประไพ

ในครั้งนั้นก็ได้เดินทางกลับมาจังหวัดมุกดาหารได้ไปพักอยู่ภูเก้า ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็ได้พาสามเณรประไพไป ทำการญัตติ ที่วัดศรีมงคลเหนือ จังหวัดมุกดาหาร และก็ได้กลับมาพักที่ภูเก้าอีกระยะหนึ่ง จึงได้พากันลงมาจากภูเก้า เดินทางไปอำเภออำนาจเจริญ พักอยู่ที่วัดอ่าอยู่ประมาณ ๓ เดือน แล้วก็เคลื่อนลงมาทางจังหวัดอุบลราชธานี มาจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ พอเข้าเขต จังหวัดสุรินทร์ ฝนตกหนักมาก ทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่ได้หยุดพัก

เดินต่อไปเรี่อยๆ ได้เข้าไปขอพักที่ วัดตะเคียน ทั้งเปียกทั้งหนาวสั่นกันทุกองค์ กะว่าจะพักพอหายเหนื่อยหายหนาวก็จะออกเดินทางต่อ ก็พอดีชาวบ้านที่นั้นคน หนึ่งชื่อว่า อาจารย์ประยูร ได้เข้ามากราบเรียนและขอนิมนต์หลวงปู่สมชาย และคณะไปพักบำเพ็ญที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักไปประมาณ ๑ กม. หลวงปู่พร้อมด้วยพระเณรได้พากันไปดู

เมื่อไปเห็นแล้วก็รู้สึกว่าแปลกดีมาก สวยงาม เป็นลักษณะปรางค์ปราสาทเก่าแก่มาก มีลวดลายวิจิตรพิสดารงดงามจริงๆ แต่เสียดายไม่มีใครบูรณะ จึงดูรกและ ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ เถาวัลย์เต็มไปหมด แต่ก็มองดูครึ้มๆ น่ากลัวดี มีความสงบสงัดวิเวกมาก หลวงปู่จึงได้ตกลงที่จะจำ พรรษาที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้น